รายการ ACT Now

ACT Now EP.10 No Gift Policy

โดย ACT โพสเมื่อ Nov 18,2020

ACT Now EP 10

ACT Now EP 10 No Gift Policy ปปช ถือปฏิบัติเป็นการทั่วไปทุกองค์กร

ป.ป.ช. รู้สึกชื่นชมที่ทางภาคเอกชน ภาคธุรกิจหรือรัฐวิสาหกิจ ได้นำนโยบาย No Gift Policy มาใช้อย่างแพร่หลาย หลายๆ ปีที่ผ่านมา ก็มีการใช้ที่เพิ่มมากขึ้น เป็นเรื่องที่ดีและเป็นการส่งเสริมความโปร่งใส โดยเฉพาะถ้าเราเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรื่องของการรับมอบทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด ในระดับแค่ไหน เพียงไรที่เหมาะสม ที่ไม่เกินเลยไปจนกระทั่งเป็นเรื่องของการรับสินบนหรือการไปผูกพันธ์ตัวเราเองเข้ากับสิ่งที่เราได้รับ แล้วก็ทำให้เราต้องตอบแทนในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะฉะนั้นหลังจากมีกฎหมายปี พ.ศ. 2542 การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ปปช. ก็ประกาศกำหนดเลยว่าจะต้องไม่เกิน 3,000 บาท แต่จริงๆ เราในชาวปปช. เอง เราก็ไม่กล้าจะรับ ฟังว่า หลายๆ หน่วยงานใช้คำว่า No Gift เลย ก็ถึงบอกว่ารู้สึกชื่นชม แล้วก็เป็นการช่วยส่งเสริมงานของ ปปช. อย่างมากเลย เราก็พยายามส่งเสริมกันว่าอาจจะให้ของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ เป็นสิ่งที่เราประดิษฐ์ เราทำกันเอง ในเทคโนโลยีปัจจุบัน ในการสื่อสารในปัจจุบันมีหนทางอีกมากมายเลย ซึ่งส่งกันทางไลน์อะไรอย่างนี้ ซึ่งไม่มีคอร์สอะไรเลย ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ก็ทำให้รู้สึกว่าเขายังระลึกถึงเราอยู่ เราสามารถจะส่งความรัก ส่งความผูกพันธ์ ความระลึกถึงกันได้โดยไม่จำเป็นต้องมอบอะไรกันมากมายเลย เพราะฉะนั้นอยากให้เกิดกันมากกว่านี้อีก ถ้าผู้นำองค์กรมีนโยบายตรงนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาในหน่วยงานก็จะต้องถือปฏิบัติตาม เมื่อผู้นำเขาทำทุกคนก็จะต้องปฏิบัติตาม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการรับครับ ถ้าการประพฤติ การปฏิบัติตัว ความซื่อสัตย์สุจริต การรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน ผู้นำองค์กรไม่ว่าภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งหมดอยากให้ถือปฏิบัติเป็นการทั่วไปในทุกองค์กร ทุกหน่วยงานด้วยซ้ำ แล้วก็จะกลายเป็นค่านิยมใหม่ พยายามจะสร้าง Zero Tolerance in Thailand ก็จะเกิด คนก็อยากจะมาอยู่ประเทศเรา อยากมาพักผ่อน มาท่องเที่ยว มาลงทุน เป็นประเทศที่ปลอดจากคอร์รัปชัน มีความหวังไหม มีความหวัง แต่วันนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ท้าทายที่ต้องช่วยกัน

 

ACT Now EP 10 1 บทสรุป No Gift Policy 2563

ทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับการรณรงค์เรื่อง No Gift Policy ต้องขอเรียนอย่างนี้ครับ ในประเทศไทยเขาทำกันมานานแล้วบริษัทในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ก็มีการรณรงค์กันอย่างเข้มแข็งเต็มที่เลย โดยสถาบัน IOD แล้วก็สมาคมในภาคธุรกิจหลายๆ แห่ง แต่ในภาครัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเพิ่งมีการรณรงค์ในเรื่องนี้มา 3-4 ปี แล้วก็ได้รับการร่วมไม้ร่วมมือกันมาเต็มที่มากยิ่งขึ้น การรณรงค์ปีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา มีหน่วยงานระดับกระทรวง หน่วยงานตรวจสอบภาครัฐ มีองค์การมหาชน มีหลายๆ แห่งจำนวนมากเลย ซึ่งเป็นส่วนใหญ่แล้วในวันนี้ ประกาศตัวว่าจะเป็นหน่วยงานที่ทุกๆ คนไม่ให้ไม่รับของขวัญในเทศกาลนี้ อันนี้เป็นเรื่องดี และสิ่งที่น่าดีใจไปกว่านั้นก็คือว่าตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบที่เพิ่งผ่านครม. และมีการประกาศใช้กันล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้เขียนเอาไว้ชัดเจนในแผนบอกว่าหน่วยงาน หน่วยราชการทุกแห่งต้องประกาศตัวว่าบุคลากรในหน่วยงานจะไม่มีการให้-รับของขวัญของรางวัลจากบุคคลอื่นนอกจากเงินเดือน ค่าจ้างหรือผลประโยชน์ที่ตนเองได้รับจากหน่วยราชการนั้นๆ โดยตรง ผลก็คือว่า จากนี้ไปถือว่าจะมีผลทางกฎหมายแล้ว ข้าราชการทุกคน ทุกตำแหน่งจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับผลประโยชน์ตรงไปตรงมาจากหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง โอที ค่าเดินทาง ดังนั้นหากท่านเห็นข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใด รับเงินรับทอง รับผลประโยชน์ รับของที่ระลึกเหล่านี้ จากบุคคลภายนอกไม่ว่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาหรือรับจากเอกชนภายนอกก็แล้วแต่ ขอให้ท่านแจ้งร้องเรียนต่อหน่วยงานหรือแจ้งต่อปปช. บุคคลเหล่านั้นถือว่ามีความผิดและนี่แหละ คือสิ่งที่เราจะปฏิบัติและยึดมั่นเหมือนกันว่าข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนจะทำงานอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมาแต่ในส่วนประกาศของปปช. ในเรื่องว่าข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐยังสามารถรับผลประโยชน์ได้ในวงเงินไม่เกิน 3,000 บาท เป็นเรื่องของการรับตามธรรมจรรยา ยกตัวอย่างก็คือเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการไปสอนหนังสือ ไปบรรยาย หรือไปเปิดงานแล้วมีคนมอบของที่ระลึกให้ในพิธีเปิดซึ่งอันนั้นเป็นลักษณะการให้ตามธรรมเนียมปฏิบัติทั่วๆ ไป ดังนั้นผมหวังว่าเรื่อง No Gift Policy เราจะไม่ต้องมารณรงค์กันอีกเมื่อถึงเทศกาลแต่ให้เป็นเรื่องของค่านิยมของคน ค่านิยมขององค์กร ค่านิยมของสังคม หากเราไม่ต้องการให้บ้านเมืองของเรามีคอร์รัปชัน

 

ACT Now EP 10 2 ภาพรวมองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย 2563

มีคนถามอยู่ตลอดเวลาว่าคอร์รัปชันในประเทศไทยเพิ่มขึ้นหรือลดลงในปีนี้และปีที่ผ่านมา 2-3 ปี จากที่เราพูดได้คุยกับนักธุรกิจ สมาคมอุตสาหกรรม สภาหอการค้า สมาคมธนาคาร สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว พวกตลาดทุนหรือบรรดานักธุรกิจรายย่อย ผู้ประกอบการต่างๆ ได้คุยกับนักวิชาการ คนที่ทำวิจัย คนที่ทำโพล ข้อมูลเหล่านี้เราจะพบเหมือนกันเลยว่าคอร์รัปชันในบ้านเราช่วงนี้เหมือนเดิม หลายๆ เรื่องดีขึ้น ในขณะที่หลายๆ เรื่องแย่ลงมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันออกมาเยอะแต่มาตรการเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยถูกนำไปปฏิบัติ เจ้าหน้าที่หรือคนมีอำนาจก็ไม่ค่อยเต็มที่นัก โดยเฉพาะเวลาที่เขาเห็นว่าผู้บังคับบัญชาหรือคนที่เป็นใหญ่เป็นโตเหนือกว่าเขาไม่ได้จริงจัง ทุกคนก็จะเฉยไปแต่สิ่งที่จับต้องได้เป็นเรื่องใหญ่ที่เราภูมิใจมากก็คือเรื่องที่หนึ่งก็คือเรื่องการใช้ข้อตกลงคุณธรรมในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเพราะว่ามีตัวเลขจากกรมบัญชีกลาง มีการศึกษาวิเคราะห์จากสถาบัน TDRI ที่พบชัดเจนว่าในช่วงที่ผ่านมา ปีๆ หนึ่ง เราสามารถประหยัดเงินจากการใช้ข้อตกลงคุณธรรมได้ ปีละ 10,000 กว่าล้านบาท ในโครงการนี้เรามีผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นนักธุรกิจ นักวิชาการ เป็นมืออาชีพจริงๆ เป็นข้าราชการที่เกษียณแล้ว พูดง่ายๆ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่เข้ามาช่วยงานภาคประชาชน ร้อยกว่าเกือบสองร้อยท่าน มาช่วยงานโดยไม่ได้หวังผลอะไรเลย ไม่ได้มีรายได้ ไม่มีโอกาสที่จะร่ำรวย ชื่อเสียงก็ไม่ได้มี แต่ท่านเหล่านั้นก็มาด้วยใจ มาด้วยความภูมิใจ อันนี้เป็นสิ่งที่เรารักษาให้กับประเทศชาติได้จริงๆ ถามว่ามากพอไหม ยังไม่พอหรอกครับ เพราะว่าเราสูญเสียไปกับคอร์รัปชันปีๆ หนึ่งเป็น 200,000 - 300,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ในวันข้างหน้าเราจะต้องประหยัดได้มากกว่านี้ รักษาเงินภาษีอากร รักษาทรัพย์สมบัติของประเทศชาติได้มากกว่านี้อีกตัวหนึ่งก็คือการที่เราพยายามมา 2-3 ปีแล้ว ที่จะสร้างเว็บไซต์ที่เรียกว่า ACT Ai ที่จะสร้างเว็บไซต์ที่เรียกว่า ACT Ai การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมาไว้ในเว็บไซต์ตัวนี้ การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมาไว้ในเว็บไซต์ตัวนี้ ให้นักวิชาการ ให้ใครก็ได้ที่อยากรู้อยากติดตามการใช้เงินของภาครัฐ เข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อให้รู้ว่าที่ไหนมีการใช้เงินไปเท่าไหร่ ใช้โครงการอะไร เมื่อมีการเปรียบเทียบแล้ว เกิดการสูญเสีีย เกิดการเอารัดเอาเปรียบหรือมีช่องว่างตรงไหนเกิดขึ้นบ้าง การใช้เงินของภาพรัฐตรงไหนมีจุดอ่อนที่ควรนำไปสู่การแก้ไขพัฒนาได้บ้าง ตัว ACT Ai ณ วันนี้มีคนเข้ามาใช้งานมากขึ้น ในช่วงปีนี้มีเรื่องของโควิดเข้ามาเกี่ยวข้อง เราพัฒนาตัว ACT Ai ให้มี Feature หนึ่ง ดูแลเกี่ยวกับการใช้งบแก้ปัญหาโควิดได้โดยตรง ตรงนี้ก็เกิดประโยชน์มาก เงินจำนวนนี้ไปอย่างทั่วถึงไหม เป็นธรรมไหม ใช้อย่างตรงไปตรงมาหรือเปล่า การลงทุนไปเพื่อพัฒนา ACT Ai เกิดประโยชน์ให้ทุกคนใช้งานได้จริงๆในท้ายที่สุดนี้ ผมในฐานะตัวแทนขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย ยังขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนว่าองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เครือข่ายของเราทุกๆ องค์กร จะทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลข่าวสารมานำเสนอให้ท่านได้ทราบ เราจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะหยุดยั้งปัญหาคอร์รัปชันของประเทศไทยไม่ให้ลุกลามเลวร้ายไปมากกว่านี้